หน่วยที่ 7 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับการเรียนการสอน
7.การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับการเรียนการสอน
1.แหล่งข้อมูลการสืบค้นบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
หลักการค้นหาข้อมูลความรู้ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ในการทำงานต่างๆ เช่น
นักเรียนทำการบ้านหรือทำรายงานส่งอาจารย์
หรือพนักงานบริษัทเตรียมการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ
มักจะต้องมีการหาข้อมูลประกอบการทำงานนั้นๆบางครั้งข้อมูลอาจจเป็นเพียงข้อมูลง่ายๆ
เช่น ราคาสินค้า อัตราแลกเปลี่ยนแปลงระหว่างเงินบาทกับดอลลาร์สหรัฐ เป็นต้น
หลักการค้นหาข้อมูลมีดังต่อไปนี้
1. ต้องมีความรู้เบื้องต้นเกียวกับข้อมูลที่ต้องการ คือ
1.1 รู้ว่าข้อมูลที่ต้องการนั้นเป็นข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องอะไร
1.2 รู้ว่าแหล่งข้อมูลที่มีข้อมูลนั้น
น่าจะเป็นหน่วยงานใด
1.3 รู้ว่าสำคัญที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลนั้น
มีอะไรบ้าง
2. ต้องรู้จักวิธีเข้าเว็บไซต์ต่างๆ (นักเรียนคงมีโอกาสได้เรียนรู้ในชั่วโมงปฏิบัติการ)
3. ต้องรู้จักวิธีใช้โปรแกรมสืบค้นข้อมูล
หรือ เซิร์จเอ็นจิน (Search engine) ซึ่งจะมีรายละเอียดในหน่วยการเรียนรู้
4. ต้องรู้จักใช้ดุลพินิจว่า
4.1 ข้อมูลที่ได้มาเป็นข้อมูลที่ตรงกับความต้องการหรือไม่
4.2 ข้อมูลที่ได้มาเป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้หรือไม่
ทั้งสองประเด็นนี้
จะมีคำแนะนำในหน่วยการเรียนรู้
จากหน่วยการเรียนรู้ที่ 4
ในชั้น ม.1 และหน่วยการเรียนรู้ที่ 2 นักเรียนได้รู้จักคำว่า "เครือข่าย"
และได้ทราบว่าระบบโทรศัพท์เป็นเครือข่ายสื่อสารชนิดหนึ่ง
คอมพิวเตอร์หลายๆเครื่องที่นำมาต่อเชื่อมกันสามารถรับส่งข้อมูลระหว่างกันได้เป็นเครือข่ายอีกชนิดหนึ่ง
ซึ่งทำให้คอมพิวเตอร์มีบทบาทในฐานะเครื่องมือสื่อสารที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้
เป็นเครือข่ายประเภทต่างๆ
ที่สร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ของการจักเก็บและแลกเปลี่ยนข้อมูลโดยตรง
1.1 อินทราเน็ต (Intranet) คือ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบภายในองค์กร ใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต ในการใช้งานอินทราเน็ตจะต้องใช้โพรโทคอล IP เหมือนกับอินเทอร์เน็ต
สามารถมีเว็บไซต์และใช้เว็บเบราว์เซอร์ได้เช่นกัน รวมถึงอีเมล ถ้าเราเชื่อมต่ออินทราเน็ตของเรากับอินเทอร์เน็ต เราก็สามารถใช้ได้ทั้ง
อินเทอร์เน็ต และ อินทราเน็ต ไปพร้อม ๆ กัน
แต่ในการใช้งานนั้นจะแตกต่างกันด้านความเร็ว ในการโหลดไฟล์ใหญ่ ๆ
จากเว็บไซต์ในอินทราเน็ต จะรวดเร็วกว่าการโหลดจากอินเทอร์เน็ตมาก
ดังนั้นประโยชน์ที่จะได้รับจากอินทราเน็ต สำหรับองค์กรหนึ่ง คือ
สามารถใช้ความสามารถต่าง ๆ ที่มีอยู่ในอินเทอร์เน็ตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
5. กระดาษข่าวอิเล็กทรอนิกส์ (Web forum)
เป็นการติดต่อสื่อสารผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่คล้ายกับการเขียนข้อความไว้บนกระดาน
เพื่อให้กลุ่มคนที่ต้องการจะสื่อสารกับกันมาอ่านและเขียนโต้ตอบกันได้
แต่กระดานในที่นี้เป็นกระดานิเล็กทรอนิกส์ที่ปรากฏบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้แต่ละรายปัจจุบันนี้
เว็บไซต์บางแห่งจัดตั้งเป็นเวทีแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ
แยกเป็นแต่ละกระดานสำหรับแต่ละเรื่อง เช่น กรณีเว็บไซต์ www.pantip.com เป็นต้น นอกจากนั้น เว็บไซต์บางแห่งอนุญาตให้มีการจัดตั้ง
"ชุมชน" สำหรับกลุ่มคนที่มีความสนใจเรื่องเดียวกันใช้สื่อสารกันด้วยจดหมาย
เอกสาร รูปภาพ ฯลฯนักเรียนสามารถเข้าไปดูตัวอย่างกิจกรรมประเภทนี้ได้ที่ http://groups.msn.com/
6. ห้องสมุด แหล่งข้อมูลความรู้
นับตั้งแต่มีการพิมพ์หนังสือเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 18 อารยธรรมของมนุษย์มีการบันทึกเพื่อถ่ายทอดแก่อนุชนรุ่นหลังอย่างเป็นระบบ
การแต่งหนังสือและการพิมพ์เผยแพร่เป็นจำนวนครั้งละมากๆทำให้การเรียนรู้สามารถขยายขอบเขตออกไปอย่างรวดเร็ว
ยิ่งกว่านั้นนังสือที่สามารถอนุรักษ์ความรู้ไว้ได้เป็นเวลายาวนานมากกว่าความยืนยาวของชีวิตมนุษย์หลายสิบเท่า
ห้องสมุดซึ่งเป็นที่เก็บรักษาหนังสือ จึงมีการจัดการที่เป็นระบบ
ทำให้ค้นหาหนังสือที่ต้องการได้ง่าย
จึงเป็นแหล่งข้อมูลความรู้ที่มีแระสิทธิภาพสูงมาก
7. Digital Library ห้องสมุดบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ Digital
Library
(ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์)
หมายถึงการจัดเก็บสารสนเทศในรูปแบบของสื่ออิเล็กทรอนิกส์
แทนที่จะจัดเก็บในรูแปบบสื่อพิมพ์ ขณะนี้ได้เริ่มมีการใช้วิธีการเช่นนี้แล้ว
แต่คงต้องรออีกนานทีเดียวกว่าที่ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์จะสามารถแทนที่ห้องสมุดแบบดั้งเดิม
หือแม้แต่เพียงจะสามารถมีบทบาทเทียบเคียงกับห้องสมุดแบบดั้งเดิม
ที่เป็นเช่นนี้เพราะมีเหตุผลหลายประการ ประการแรก
สิ่งพิมพ์ี่มีอยู่แล้วมีเป็นจำนวนมาก หากจะนำมาดิจิไทซ์
หรือแปลงเป็นสารสนเทศแบบดิจิทัล ก็ต้องลงทุนลงแรงมหาศาลประการที่สอง
ผู้ใช้สารสนเทศส่วนใหญ่ในยุคปัจจุบันยังคุ้นเคยกับการอ่านหนังสือมากกว่าการแ่านจากจอคอมพิวเตอร์
แต่เรื่องนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้
เมื่อคนรุ่นใหม่ที่คุ้นเคยกับการใช้คอมพิวเตอร์จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
และพัฒนาการของจอคอมพิวเตอร์ทำให้อ่านได้สบายตามากขึ้นสามารถอ่านได้ครั้งละนานๆมากขึ้น
8. แหล่งข้อมูลของประเทศไทยบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นเครือข่ายที่มีคอมพิวเตอร์แม่ข่ายที่ติดตั้งอยู่ทั่วโลกเชื่อมโยงกันจำนวนมากเครื่องแม่ข่ายแต่ละเครื่องมีข้อมูลข่าวสารยางอย่างบางประเภทบรรจุอยู่
เช่น
ถ้าเป็นเครื่องแม่ข่ายของบริษัทเครื่องแม่ข่ายแต่ละเครื่องมีข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถยนต์รุ่นต่างๆ
ของบริษัทนั้นข้อมูลเกี่ยวกับการรับบริการต่างๆจากบริษัทผลิตรถยนต์
ก็จะมีข้อมูลประเภทรู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น
ประวัติศาสตร์เป็นมาและพัฒนาการของรถยนต์เทคโนโลยีใหม่ๆ เกี่ยวกับยานยนต์
มลพิษจากไอเสียของรถยนต์และวิธีบำบัดป้องกัน วิธีการขับรถยนต์อย่างมีประสิทธิภาพ
เป็นต้น
ประเทศไทยเราก็ได้มีการจัดตั้งเว็บไซต์ขึ้นเป็นจำนวนมาก
ทั้งของภาครัฐและเอกชน
ในที่นี้จะได้กล่าวถึงเว็บไซต์ที่คิดว่าจะมีประโยชน์สำหรับนักเรียน
โดยจะแยกกล่าวเป็นแต่ละประเภทของข้อมูลหลักในเว็บไซต์นั้นๆ
2. เว็บไซต์ LearnOnline
(http://www.learn.in.th) ของสถานบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย
เป็นเว็บไซต์สำหรับการเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
เน้นสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในทุกระดับการศึกษาและมีทำเนียบเชื่อมโยงสู่เว็บไซต์อื่นที่ให้บริการในลักษณะเดียวกัน การค้นหาข้อมูล
1. เครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบต่างๆและข้อมูลที่มีอยู่ในเครือข่าย
เวลาที่มีการเชื่อมต่ออินทราเน็ตเข้ากับอินเทอร์เน็ต
มักมีการติดตั้งไฟร์วอลล์สำหรับควบคุมการผ่านเข้าออกของข้อมูล
ผู้ดูแลด้านความปลอดภัยในองค์กร สามารถควบคุมและจำกัดการใช้งานอินเทอร์เน็ตบางประเภท
เช่น ไม่ให้เข้าไปยังเว็บไซต์ลามก
หรือตรวจสอบว่าผู้ใช้รายไหนพยายามเข้าไปเว็บดังกล่าว เป็นต้น นอกเหนือจากนี้
ไฟล์วอลยังป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกจากอินเทอร์เน็ตเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ภายในองค์กร
นอกเหนือไปจากเซิร์ฟเวอร์สำหรับให้บริการซึ่งผู้บริหารเครือข่ายได้กำหนดไว้
1.2 เอ็กซ์ทราเน็ต (Extranet) เป็นเครือข่ายภายในสำหรับองค์กรเช่นเดียวกันกับอินทราเน็ตแต่เปิดให้สมาชิกภายนอกที่ได้รับอนุญาตต่อเชื่อมกับเครือข่ายได้ด้วย
ตัวอย่างเครือข่ายแบบนี้ ได้แก่ เครือข่ายของบริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด
ที่มีร้านค้าวัสดุก่อสร้างต่างๆเป็นสมาชิกของเครือข่ายด้วยเพื่อให้ร้านค้าเหล่านี้สามารถติดต่อสั่งซื้อสินค้าและรับบริการอื่นๆ
จากบริษัทโดยสื่อสารผ่านเครือข่ายนี้
1.3 อินเทอร์เน็ต ทั้งอินทราเน็ตและเอ็กซ์ทราเน็ต
เป็นเครือข่ายส่วนบุคคลเนื่องจากจากมีเจ้าของและเจ้าของเป็นผู้กำหนดว่าใครบ้างสามารถเป็นสมาชิกของเครือข่ายได้
(Private network) แต่อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายสาธารณะที่ไม่มีเจ้าของ
ทุกคนที่อยากต่อเชื่อมกับเครือข่ายสามารถต่อเชื่อมได้เพียงแต่ปฏิบัติตามกติกาซึ่งมีคณะกรรมการอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศเป็นผู้กำหนด
1.4 รูปแบบของข้อมูลในเครือข่ายของคอมพิวเตอร์ประเภทต่างๆ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั้ง 3 ประเภทที่กล่าวแล้ว
เป็นเครือข่ายที่จัดตังขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ต่างกัน ดังนั้น
รูปแบบของการนำเสนอของข้อมูลและการเปลี่ยนแปลงข้อมูลจึงอาจแตกต่างกันได้
2. การสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต
ใช้วิธีการที่เรียกว่า
เซิร์จเอ็นจิน (Search engine) ซึ่งโปรแกรมค้นหาข้อมูลอัตโนมัติ
การค้นหาทำได้โดยการพิมพ์ คำสำคัญ หรือ คีย์เวิร์ด (Key Word) เข้าไปในช่องกำหนดแล้วคลิกที่ปุ่ม SEARCH หรือ GO
โปรแกรมค้นหาจะเริ่มทำงาน การแสดงผลการค้นหาจะแสดงชื่อเว็บไซต์ URL
และมักจะแสดงสาระสังเขปของเว็บไซต์นั้นๆคือ
เพื่อช่วยให้ผู้คนสามารถตัดสินใจในเบื้องต้นว่าเว็บไซต์นั้นมีข้อมูลที่ต้องการหรือไม่
เนื่องจากอินเทอร์เน็ตมีข้อมูลจำเป็นจำนวนมาก บางครั้งเซิร์จเอ็นจิน บางตัวจะมีระบบค้นหาที่ละเอียดขึ้น
เรียกว่า แอดวานซ์เซิร์จ
โปรแกรมค้นหาที่นิยมใช้กันมาก
เพราะมีความสามารถสูงนั้น มีอยู่ตามเว็บไซต์ ต่อไปนี้
http://www.google.com
http://www.altavista.com
http://www.excite.com
http://www.yahoo.com เป็นต้น
สำหรับโปรแกรมค้นหาภาษาไทยนั้นเริ่มมีใช่บางแล้ว
แต่ประสิทธิภาพยังไม่สูงนักเนื่องจากความลำบากในการแยกคำในภาษาไทย
ซึ่งเขียนต่อกันโดยไม่มีการเว้นวรรคคั่น
เป็นคำๆแบบภาษาไทยมีอยู่ในเว็บไซต์ต่อไปนี้
http://www.google.co.th/
http://www.siamguru.com
http://www.hotsearch.bdg.co.th เป็นต้น
3. คำแนะนำในการใช้ Google
(ข้อความต่อไปนี้ สรุปความเรยบเรียงมาจากคำแนะนำวิธีค้นหาของข้อมูลของ Google
โดยจะเน้นเฉพาะการค้นหาด้วยคำหลักภาษาอังกฤษเท่านั้น)
3.1 การค้นหาแบบง่าย ให้พิมพ์คำเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ต้องการ้นหาเพียง
2-3 คำลงไปแล้วกดแป้น Enter หรือคลิกที่ปุ่ม
Go บนหน้าจอ Google ก็จะแสดงเว็บเพจที่ค้นพบ
โปรแกรมค้นหาของ Google จะแสดงเฉพาะเว็บเพจที่มีคำที่ท่านได้พิมพ์ลงไปดังนั้น
ถ้าท่านยิ่งใส่จำนวนคำลงไปมากจำนวนเว็บเพจที่ค้นพบจะยิ่งลดจำนวนลง
เพราะเป็นการค้นหาที่มีเงื่อนไขมากขึ้น (แบบเลือกใช้เงื่อนไขทั้งหมด) นั้นเอง
3.2 ข้อควรทราบเกี่ยวกับหลักการทำงาน Google เพื่อการค้นหาขั้นสูง
1.อักษรภาษาอังกฤษตัวเล็กตัวใหญ่มีผลไม่ต่างกัน
โดย Google จะถือว่าอักษรตัวเล็ก (Lower case) ทั้งหมด
2. คำว่า and มีอยู่แล้วโดยปริยาย
เฉพาะ Google จะหาเฉพาะเว็บเพจที่มีคำครบทุกคำ
จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้ and เพื่อเชื่อมระหว่างคำหลัก
แต่ลำดับก่อนหลังของคำหลักจะให้ผลที่แตกต่างกัน
3. คำสามัญประเภท a, an, the,
where, how จะถูกตัดทิ้งโดยอัตโนมัติ รวมทั้งตัวอักขระโดดๆ
เพราะคำพวกนี้ทำให้การค้นหาช้าลง และไม่ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นแต่อย่างใด
4. การกำหนดเงื่อนไขไม่ใช่คำบางคำในการค้นหา
โดยนำหน้าคำนั้นด้วยเครื่องหมายลบ
(-) เช่น ต้องการหาเว็บเพจที่เกี่ยวกับ E-Commerce
Thailand - handicraft
5. การกำหนดให้ใช้คำที่มีความหมายคล้ายกัน
ด้วยให้นำหน้าคำนั้นด้วยเครื่องหมาย tilde
6. การเลือกคำหลักมีข้อแนะนำดังต่อไปนี้
- ลองใช้คำตรงๆ
ก่อน เช่น ถ้าท่านต้องการหาข้อมูลเกี่ยวกับ Picasso ก็ให้ใส่คำว่า
Picasso ลงไป
- แทนที่จะใช้คำว่า
painters
- ใช้คำที่คิดว่าน่าจะมีอยู่ในเว็บไซต์ที่ต้องการหา
เช่น Jumbo Jet ในเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องบินโดยสาร
เป็นต้น
- ทำให้คำหลักมีความเจาะจงมากที่สุดที่จะเป็นไปได้เช่น
Antiquelead กับ dietary
7. รูปคำต่างกันที่มากจากรากศัพท์เดียวกันจะได้รับพิจารณาโดยอัตโนมัติ
เช่น diet กับ dietary
8. การค้นหาตามหมวดสาขา (Category)
ในกรณีที่คำหลักมีความหมายได้หลายอย่างและท่านไม่แน่ว่าจะทำให้เจาะจงอย่างไร
ให้เข้าไปที่ Directory ของ Google ซึ่งอยู่ที่ directory แต่ถ้าท่านต้องการข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ยี่ห้อ
Saturn ท่านจะใช้คำหลักเดียวกันนี้ค้นภายใต้ Automotive
category
9. Google มีหน้าเว็บพิเศษสำหรับช่วยให้สามารถทำการค้นหาชั้นสูงได้ง่ายขึ้นโดยผู้ใช้ไม่ต้องจดจำวิธีการพิมพ์เงื่อนไขแต่ใช้วิธีเลือกพิมพ์ความลงไปในช่องทีเหมาะสมแทน
(บริการนี้มีให้ใช้เป็นภาษาไทยด้วย)
ภาพผลกาค้นหาด้วยโปรแกรมค้นหาของ Google.com
ภาพหน้าเว็บเพจพิเศษของ Google
เพื่อช่วยให้สามารถทำการค้นหาชั้นสูงได้ง่ายขึ้น
4. ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
(E-Mail)
เป็นการติดต่อสื่อสารผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงมากแบบหนึ่งแต่มีข้อจำกัดตรงที่ทั้งผู้ส่งและผู้รับต้องมีอีเมลแอดเดรส
หลักการเช่นเดียวกับการส่งจดหมายทางไปรษีย์ กล่าวคือผู้ส่งใช้โปรแกรมรับส่งอีเมล
เช่น ไมโครซอฟต์เอาต์ลุก หรือโปรแกรมเว็บเมล เป็นต้น โปรแกรมไมโครซอฟต์เอาต์ลุก
ปกติจะมากับชุดโปรแกรมไมโครซอฟต์เอาต์ลุกออฟฟิศ ใช้สำหรับรับส่งอีเมลได้ทุกกรณี
แต่ต้องมีการติดตั้ง (Set-up) ก่อนใช้จึงเป็นการไม่สะดวกนักหากผู้ใช้ต้องการจะไปรับส่งอีเมลที่เครื่องคอมพิวเตอร์อื่นนอกจากเครื่องที่ตนใช้ประจำ
วิธีการรับส่งแบบเว็บเมลเป็นวิธีที่สะดวกว่า เพียงแต่ผู้ใช้เข้าสู่อินเตอร์เน็ต
แล้วโปรแกรมเซ้บเมลซึ่งติดตั้งอยู่ในเครื่องนั้นก็พร้อมที่จะทำงานทันที
เว็บไซต์ประเภท
Portal
หรือ Gateaway หรือชุมทาง
ที่กล่าวถึงเว็บไซต์ประเภทนี้เป็นประเภทแรก เพราะเป็นประเภทที่มีประโยชน์มาก
เวลาที่เราไม่แน่ใจว่าจะหาข้อมูลประเภทที่ต้องการได้จากแหล่งใด
หากเราเข้าไปที่เว็บไซต์ประเภทนี้
จะพบว่าในเว็บไซต์ได้ทำจุดเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์อื่นโดยจัดเป็นประเภทไว้
ทำให้เราสามารถหาแหล่งข้อมูลที่ต้องการได้ง่ายขึ้น
คล้ายกับการค้นหาหมายเลขโทรศัพท์ในสมุดโทรศัพท์หน้าเหลืองนั่นเอง
เว็บไซต์ชุมทางที่สำคัญในประเทศไทยคือ http://www.nectec.or.th
ภาพเว็บไซต์ NECTEC
เว็บไซต์ประเภทของการศึกษา เว็บไซต์การศึกษาในประเทศไทยมีจำนวนมากทั้งของสถานบันอุดมศึกษาและของโรงเรียนต่างๆ
เว็บไซต์ที่อาจถือได้ว่าเป็นเว็บไซต์ชุมทางประเภทการศึกษาได้แก่
1. เว็บไซต์โครงการ SchoolInet@1509 (http://www.school.net.th) เป็นเว็บไซต์ชุมทางสำหรับเว็บไซต์ต่างๆที่ที่เป็นสมาชิกโครงการ SchoolInet
และที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาระดับต่ำกว่าอุดมศึกษา
ภาพเว็บไซต์ Schoolnet
เว็บไซต์ประเภทศิลปวัฒนธรรม เว็บไซต์วัฒนธรรมไทย http://www.culture.go.th ของสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ
จัดว่าเป็นเว็บไซต์หลักในเว็บไซต์ประเภทนี้
นอกจากนี้ข้อมูลด้านศิลปวัฒนธรรมมักจะมีปรากฏอยู่บ้างตามเว็บไซต์ของสถานบันอุดมศึกษาต่างๆและของภาคเอกชนที่เกี่ยวกับธุรกิจการท่องเที่ยว
ภาพเว็บไซต์วัฒนธรรม
เว็บไซต์ประเภทท้องถิ่น เว็บไซต์ประเภทนี้กำลังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วเว็บไซต์ชุมทางของประเภทนี้
ได้แก่ http://www.thaitambon.com ซึ่งเป็นที่รวบรวมเก็บไซต์ของตำบลต่างๆ
ทั่วประเทศไทย เพื่อสนับสนุนโครงการหนึ่งตำบลหนึงผลิตภัณฑ์นอกจากนี้จังหวัดใหญ่ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวก็มักจะมีเว็บไซต์ของจังหวัด
และสถาบันดารศึกษาทั้งระดับอุดมศึกษาและระดับโรงเรียนก็มักจะบรรจุข้อมูลเกี่ยวกับท้องถิ่นไว้ในเว็บไซต์ของสถาบันด้วย
ภาพเว็บไซต์ไทยตำบลดอทคอม
เว็บไซต์ประเภทวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เว็บไซต์ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. (http://www.nstda.or.th) เป็นเว็บไซต์สำหรับสารสนเทศด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ซึ่งมีการเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น
เว็บไซต์ของศูนย์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติทังสามได้แก่ http://www.nectec.or.th
http://www.mtec.or.th http://www.biotec.or.th และ
เว็บไซต์ของหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ภาพเว็บไซต์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เว็บไซต์ประเภทพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง
การทำกิจกรมที่เกี่ยวกับการค้าขายผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ขณะนี้การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วทั่วโลก
ทั้งการค้าปลีกหรือค้าส่งการซื้อขายสินค้าหรือบริการ ในยุคโลกาภิวัฒน์นี้
ทำให้ประเทศไทยสามารถในการแข่งขันทางการค้าด้วยพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จึงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คนไทยจะต้องเรียนให้รู้และทำให้เป็น
เว็บไซต์ http:///www.ecommerce.or.th ของศูนย์พัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
นับว่าเป็นเว็บไซต์ทางการที่มีหน้าที่เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
นับว่าเป็นเว็บไซต์ทางการทีมีหน้าทีเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
แต่น่าเสียดายที่เว็บไซต์นี้กลับไม่มีตัวอย่างของการดำเนินงานด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ให้เห็นเป็นรูปธรรม
โดยตัวอย่าง
ภาพเว็บไซต์ E-Commerce ที่น่าสนใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น