ุุ

สวัสดีค่ะ ผู้เยี่ยมชมทุกท่าน...บล็อกนี้จัดทำขึ้นเพื่อประกอบการเรียนการสอนในรายวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสำหรับครู ภาคเรียนที่1/2557 สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 2 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง.....เป็นการจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสาน เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เป็นการจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคม ทำให้ผู้เรียนสามารถนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ให้เป็นประโยชน์กับการศึกษาค้นคว้าเพื่อการเรียนรู้ในชั้นเรียนปกติ นอกจากนี้ยังเป็นทางหนึ่งในการส่งเสริมให้ผู้เรียนค้นพบประโยชน์และคุณค่าของ "ทางสายกลาง"โดยการลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง...

คำอธิบายรายวิชา
........
ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยี สารสนเทศ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เช่น ไมโครซอฟท์คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ระบบการสื่อสารข้อมูลระบบเน็ตเวิร์ค ระบบซอฟท์แวร์ การจัดการทรัพยากรสารสนเทศ เครื่องมือการเข้าถึงสารสนเทศ ทักษะการเข้าถึงสารสนเทศ ฐานข้อมูลสารสนเทศ ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์และการอ้างอิง ฝึกปฏิบัติการ สามารถใช้คอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐานและเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้อย่าง เหมาะสมได้

วัตถุประสงค์ในรายวิชา
........
เมื่อผู้เรียนศึกษาเนื้อหาบทเรียนจบแล้วตามหลักสูตรแล้วจะมีพฤติกรรมหรือความสามารถดังนี้
1. อธิบายความหมาย ความสำคัญ และองค์ประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศได้
2. อธิบายความสัมพันธ์ของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้
3. ยกตัวอย่างเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในชีวิตจริงได้
4. อธิบายความหมายและความสำคัญของวิธีระบบได้
5. อธิบายความสัมพันธ์ของวิธีระบบกับเทคโนโลยีสารสนเทศได้
6.
บอกความหมายและองค์ประสกอบสำคัญๆของคอมพิวเตอร์ได้
7.
อธิบายหน้าที่ขององค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ได้
8. บอกประเภทและคุณสมบัติของซอฟท์แวร์แต่ละประเภทได้
9. บอกความหมายและความสำคัญของอินเตอร์เน็ตได้
10. บอกความสัมพันธ์ของเครือขายคอมพิวเตอร์และเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้
11. อธิบายแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ที่สามารถเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายได้
12. อธิบายวิธีประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับการศึกษาได้
13. ยกตัวอย่างโปรแกรมต่าง ๆ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการเรียนการสอนได้
14. สร้างสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนการสอนได้
15. นำเสนอสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งที่เป็นสื่อทั่วไปและสื่อระบบเครือข่ายได้


เนื้อหาบทเรียน
หน่วยการเรียนที่1ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
หน่วยการเรียนที่2ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
หน่วยการเรียนที่3คอมพิวเตอร์และระบบคอมพิวเตอร์
หน่วยการเรียนที่4ซอฟต์แวร์
หน่วยการเรียนที่5ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
หน่วยการเรียนที่6อินเตอร์เน็ต
หน่วยการเรียนที่ 7 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกับการเรียนการสอน
หน่วยการเรียนที่ 8 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนอผลงาน

รูปแบบของกระบวนการเรียนการสอน

วิธีสอน : เป็นการเรียนการสอนแบบผสมผสาน (Blended Learning)

เนื้อหาบทเรียน : เนื้อหาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสำหรับครู

เครื่องมือกำกับการเรียนรู้ : ความซื่อสัตย์(integrity)

กิจกรรมการเรียนการสอน

· การบรรยายประกอบสื่อในชั้นเรียนปกติ (traditional classroom)

· การศึกษาค้นคว้าด้วยสื่อออนไลน์หรือเว็บบล็อก

· การสรุปและนำเสนอในชั้นเรียนด้วยสื่อ ICT

· การอภิปรายแสดงความคิดเห็น

· การสรุปเป็นรายงาน

· การทดสอบเพื่อวัดและประเมินผล


หน่วยที่2

หน่วยที่ 2 ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

1. ระบบและวิธีเชิงระบบ
      ระบบ  (System) หมายถึง การทำงานของระบบย่อยๆ ซึ่งมีโครงสร้างการทำงานที่สมบูรณ์ สามารถตรวจสอบและปรับปรุงแก้ไขได้
     วิธการเชิงระบบ (System Approach) หมายถึง การจัดองค์ประกอบของระบบในกรอบความคิดของตัวป้อน กระบวนการ กลไกการควบคุม ผลผลิตและข้อมูล 
องค์ประกอบของวิธีระบบ
วิธีระบบมีองค์ประกอบ 3 ประการได้แก่
1. ปัจจัยนำเข้า (Input) หมายถึง วัตถุสิ่งของต่างๆ รวมถึงเหตุการณ์ สถานการณ์ วัตถุประสงค์ ปัญหา  ความต้องการ ข้อกำหนด  กฎเกณฑ์
2. กระบวนการ (Process) หมายถึง วิธีการ ขั้นตอนในการปฏิบัติงาน การสร้างสรรค์ การแก้ปัญหาเกี่ยวกับเนื้อหาและปัจจัยนำเข้าให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือความต้องการ
 3. ผลลัพธ์ (Output) หมายถึง ผลงานที่ได้จากกระบวนการ จัดการวัตถุดิบหรือปัจจัยนำเข้า ผลงานที่ได้รับอาจจะเป็นวิธีการหรือชิ้นงานก็ได้ ซึ่งสามารถประเมินผลและตรวจสอบข้อมูลย้อนกลับ(feedback)ได้ 
2.ระบบสารสนเทศ (Information System)
    ระบบสารสนเทศ (Information System)  หมายถึง การประมวลผลข้อมูลข่าวสารอย่างเป็นขั้นตอนและเป็นกระบวนการ เพื่อให้ข้อมูลในรูปของข่าวสารที่เป็นประโยชน์สูงสุด และเป็นข้อสรุปที่สามารถนำไปใช้สนับสนุนการบริหาร และการตัดสินใจ ในระดับปฏิบัติการ ระดับกลาง และระดับสูง ระบบสารสนเทศจึงเป็นระบบที่จัดตั้งขึ้น เพื่อปฏิบัติการเกี่ยวกับข้อมูล
    คอมพิวเตอร์ทำงาน ได้ด้วยคำสั่งหรือชุดคำสั่งที่เรียกว่า โปรแกรม ซึ่งโปรแกรมมีลักษณะเป็นนามธรรม ไม่สามารถจับต้องได้ เป็นสื่อประเภท ซอฟต์แวร์(Software) ในการดำเนินงานที่มีระบบงานใหญ่  อาจต้องใช้โปรแกรมหลายโปรแกรมร่วมกัน  เป็นคำสั่งให้ครอบคลุมกิจกรรม โปรแกรมอาจจะถูกป้อนเข้าทางแป้นอักขระ  หรือจากแผ่นดิสก์  แผ่นซีดี โปรแกรมคอมพิวเตอร์ทำหน้าที่คำนวณประมวลผลข้อมูลด้วยกรรมวิธีที่กำหนดขึ้นตามจุดประสงค์ของงาน เพื่อกลั่นกรองข้อมูลออกมาเป็นสารสนเทศ เพื่อช่วยในการตัดสินใจ
3.องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ 
องค์ประกอบระบบสารสนเทศ จำแนกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
  1. องค์ประกอบหลักของระบบสารสนเทศ
องค์ประกอบหลัก 2 ส่วน ได้แก่
    ระบบการคิด หมายถึง กระบวนการและขั้นตอนในการจัดลำดับ จำแนก แจกแจง และจัดหมวดหมู่ข้อมูลต่าง ๆ เพื่อความสะดวกในการจัดเก็บและเผยแพร่ ระบบการคิดจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของงานสารสนเทศทั้งระดับพื้นฐานและระดับสูงที่มีความสลับซับซ้อนจนต้องใช้ทักษะการจัดการและเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูง 
    ระบบเครื่องมือ หมายถึง วัสดุอุปกรณ์หรือเครื่องมือที่นำมาใช้ในการรวบรวม จัดเก็บ และเผยแพร่สารสนเทศให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันคอมพิวเตอร์และเครือข่าย อินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือในการ จัดการสารสนเทศ ที่นิยมใช้ อย่างแพร่หลายในองค์กร หน่วยงาน หรืองานธุรกรรมต่าง ๆ แทบทุกวงการ จนทำให้คอมพิวเตอร์และเครือข่ายอินเตอร์เน็ตกลายเป็นสัญลักษณ์ของสารสนเทศ
 2. องค์ประกอบด้านต่างๆ ของระบบสารสนเทศ
2.1 องค์ประกอบของสารสนเทศด้านจุดมุ่งหมายในการแก้ปัญหา มี 4 ประการ ได้แก่
 -ข้อมูล (Data)
 -สารสนเทศ (Information)
 -ความรู้ (Knowledge)
 -ปัญญา (Wisdom)

องค์ประกอบด้านจุดมุ่งหมายในการแก้ปัญหา
2.2 องค์ประกอบของสารสนเทศด้านขั้นตอน

รับข้อมูลเข้า     ประมวลผลข้อมูล     แสดงผลลัพธ์
องค์ประกอบด้านกระบวนการในการดำเนินงาน
2.3 องค์ประกอบของสารสนเทศในหน่วยงาน
            เทคโนโลยี               

                               ข้อมูล                                                         บุคคล/องค์กร
    องค์ประกอบของสารสนเทศในหน่วยงาน
2.4. องค์ประกอบระบบสารสนเทศทั่วไป (Information Process Systems)
ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบดังนี้
1.เครื่องคอมพิวเตอร์และเครือข่ายสื่อสารข้อมูล(Hardware)
2.ข้อมูล(Data)
3.สารสนเทศ(Information)
4.โปรแกรมหรือซอฟต์แวร์(Software)
5.บุคลากรด้านคอมพิวเตอร์(People ware)
                                                                 Hardware
                                    Data                                                Information
                         People wareSoftware

                                              องค์ประกอบระบบสารสนเทศทั่วไป
4. ขั้นตอน การจัดระบบสารสนเทศ
 การจัดระบบสารสนเทศเป็นการกำหนดขั้นตอน การดำเนินงาน ซึ่งประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นที่ 1 การวิเคราะห์ระบบ (System Analysis)
วิธีการวิเคราะห์ระบบสารสนเทศ แบ่งออกเป็น 4 หน่วยย่อยคือ
1. วิธีวิเคราะห์แนวทางการปฏิบัติงาน (Mission Analysis) คือ การพิจารณาทิศทางในการดำเนินการและจุดมุ่งหมายของระบบสารสนเทศ เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้
2. วิเคราะห์หน้าที่(Functional Analysis) เป็นการกำหนดหน้าที่โดยละเอียดตามที่กำหนดไว้ในแนวทางปฏิบัติงานเกี่ยวกับสารสนเทศ
3. วิเคราะห์งาน (Task Analysis) เป็นการกำหนดสิ่งที่ต้องการกระทำตามหน้าที่ที่ได้กำหนดไว้ ในขั้นการวิเคราะห์หน้าที่
4. วิเคราะห์วิธีการและสื่อ (Method-Means Analysis) เป็นการกำหนดหลักการปฏิบัติ กลวิธี และสื่อที่จะนำไปสู่จุดมุ่งหมาย หรือสิ่งที่ต้องการ
ขั้นที่ 2 การสังเคราะห์ระบบ (System Synthesis)
    วิธีการสังเคราะห์ระบบช่วยเกลี่ยน้ำหนักเนื้อหา การแก้ปัญหาซึ่งมีขั้นตอนย่อยดังนี้
1.การเลือกวิธีการหรือกลวิธี เพื่อหาช่องทางไปสู่จุดมุ่งหมายแล้วทดสอบและทดลองกลวิธี
2. ดำเนินการแก้ปัญหาด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
3. ประเมินผลประสิทธิภาพการดำเนินงาน
ขั้นตอนที่ 3 การสร้างแบบจำลอง (Construct a Model)
      แบบจำลองเป็นการถ่ายทอด ความรู้สึกนึกคิดออกมาเป็นภาพที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งอาจเป็นภาพลายเส้น หรือรูปสามมิติ แบบจำลองระบบทำให้  เข้าใจ โครงสร้าง องค์ประกอบ และขั้นตอนในการดำเนินงาน
5. ประเภทของระบบสารสนเทศแบ่งได้ 3 ระดับ 
1. ระบบสารสนเทศระดับบุคคล คือ ระบบที่เสริมประสิทธิภาพและเพิ่มผลงานให้แต่ละบุคคล ในหน้าที่รับผิดชอบ
2. ระบบสารสนเทศระดับกลุ่ม คือ ระบบสารสนเทศที่ช่วยเสริมการทำงานของกลุ่มบุคคลที่มีเป้าหมายการทำงานร่วมกันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. ระบบสารสนเทศระดับองค์กร คือ ระบบสารสนเทศที่สนับสนุนการดำเนินงานขององค์กรในภาพรวม
6. ข้อมูลและสารสนเทศ
      ข้อมูลที่ถูกต้องครอบคลุมและตรงประเด็นประกอบการตัดสินใจในการเลือกวัตถุดิบ เนื้อหาสาระ บุคลากร และวิธีการปฏิบัติได้อย่างเหมาะสม
   6.1 ข้อมูล (data)
    ข้อมูล หมายถึง ข้อเท็จจริงที่ปรากฏให้เห็นเป็นประจักษ์สามารถรับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า ทั้งที่สามารถนับได้และนับไม่ได้ ข้อมูลที่นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์มีหลายระดับตั้งแต่ข้อมูลเบื้องต้นหรือข้อมูลดิบจนถึงข้อมูลสารสนเทศ ซึ่งแต่ละอย่างมีความหมายดังนี้
    ข้อมูลดิบ (Raw  data)
 ข้อมูลดิบ หมายถึง วัตถุสิ่งของ เหตุการณ์ สถานการณ์ ที่มีคุณลักษณะหรือคุณสมบัติอยู่ในสภาพเดิมไม่ผ่านการกลั่นกรอง ไม่ได้ถูกนำมาแปรรูปหรือประยุกต์ใช้กับงานใดๆ
6.2 สารสนเทศ (informational)
  สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูลที่ผ่านการกลั่นกรองโดยการจำแนกแจกแจง จัดหมวดหมู่ การคำนวณและประมวลผลแล้ว สามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
6.2.1 คุณสมบัติของข้อมูลสารสนเทศที่ดี
- ความถูกต้อง(Accurate)
- ทันเวลา(Timeliness)
- สอดคล้องกับงาน(Relevance)
- สามารถตรวจสอบได้(Verifiable)

- มีความสมบูรณ์ถูกต้อง(Integrity)
6.2.2 ชนิดของข้อมูล
    ข้อมูลมีหลายชนิดขึ้นอยู่กับเกณฑ์ในการจำแนก ในที่นี้จำแนกข้อมูลตามลักษณะการจัดเก็บซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ชนิด คือ
- ข้อมูลที่เป็นตัวเลข(Numeric  type)
- ข้อมูลที่เป็นตัวอักขระ(Character  type)
- ข้อมูลที่เป็นตัวอักษรเลข(Alphanumeric type)

- ข้อมูลที่เป็นมัลติมีเดีย(Multimedia)
6.3 ความรู้ (Knowledge)
    ความรู้  เป็นสภาวะ ทางสติปัญญาของมนุษย์  ในการตีความสิ่งเร้าทั้งที่อยู่ภายใน และภายนอกด้วยความเข้าใจสาระของเนื้อหา กระบวนการ และขั้นตอน อาจอยู่ในรูปของข้อมูลดิบหรือสารสนเทศระดับต่างๆ หรืออาจอยู่ในรูปของอารมณ์ความรู้สึกและเหตุผล คุณสมบัติของความรู้อาจให้ทั้งประโยชน์และโทษต่อตนเอง สังคม และสิ่งแวดล้อม ดังนั้นการใช้ความรู้ให้เป็นประโยชน์จำเป็นต้องกำกับด้วยสติปัญญา
6.4 การประมวลผลข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ
     การสร้างสารสนเทศได้ต้องอาศัย กระบวนการรวบรวม และประมวณผลโดยมีวิธีดังนี้ 
6.4.1ขั้นตอนการประมวลผลข้อมูล (Data processing steps)
- การรวบรวมข้อมูล
- การบำรุงรักษาและการประมวลผลข้อมูล
- การจัดเก็บข้อมูล
- การควบคุมข้อมูล

- การสร้างสารสนเทศ
6.4.2 วิธีการเก็บข้อมูล (Data  Collection  Methods)
      ข้อมูลอาจเกิดขึ้นได้เองหรือ เกิดจากการสร้าง การทดลอง และการประมวลผล เมื่อต้องการได้ความรู้ หรือต้องการทราบความหมาย เราต้องเก็บข้อมูลของสิ่งนั้น เพื่อนำมาประมวลผลให้เป็นสารสนเทศ วิธีการเก็บข้อมูลสามารถทำได้หลายวิธี ตัวอย่างเช่น การสำรวจด้วยแบบสอบถาม การสัมภาษณ์ผู้ที่เกี่ยวข้องหรือเป็นเจ้าของข้อมูล การนับจำนวน หรือวัดขนาดด้วยตนเอง หรือโดยใช้อุปกรณ์อัตโนมัติ
1.การสำรวจด้วยแบบสอบถาม ในการสำรวจข้อมูลความคิดเห็นอาจจำเป็นต้องทำแบบสอบถาม เพื่อให้ง่ายต่อการตอบและรวบรวมข้อมูล
2.การสำภาษณ์ผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือเป็นเจ้าของข้อมูล อาจใช้วิธีเก็บข้อมูล ด้วยการแจกแบบสอบถาม ให้กับกลุ่มเป้าหมาย ที่เราต้องการทราบข้อมูล ผู้ตอบจะเขียนตอบหรือไม่ก็ได้ ในทางปฏิบัติพบว่าแบบสอบถามที่จกไป จะได้รับการตอบกลับมาเพียงประมาณ 10% เท่านั้น จึงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพข่อนข้างต่ำ 
3.การวัดจำนวนหรือวัดขนาดของตน หรือโดยใช้อุปกรณ์อัตโนมัติ ข้อมูลบางอย่างจำเป็นต้องมีผู้เกี่ยวข้องไปนับหรือวัดด้วยตนเอง เช่นการนับจำนวนต้นไม้ ความสูงของต้นไม้ จำนวนปลาในบ่อเลี้ยงปลา การตรวจจับสัญญาณ เป็นต้น


 แอลดีอาร์ (LDR-Light Dependent Resistor)

        แอลดีอาร์  เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เปลี่ยนความต้านทานของการไหลของกระแสไฟฟ้า  ความเข้มของแสงโดยมีความต้านทานลดลง ถ้าแสงมากขึ้น ถือว่าเป็นเซ็นเซอร์ ที่ใช้เก็ข้อมูลความเข็มของแสง


เทอร์มิสเตอร์ (Thermistor)

       เทอร์มิสเตอร์  เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่เปลี่ยนความต้านทาน ต่อการไหลของกระแสไฟฟ้า ตามอุณหภูมิ นิยมใช้เก็บข้อมูลอุณหภูมิ


ฟอสเซนเซอร์ (Force Sensor)

       ฟอสเซนเซอร์ คือตัวตรวจจับแรงกดหรือความดันจากอากาศหรือน้ำ ทำจากสารกึ่งตัวนำที่สร้าง เป็นตัวต้านทาน ปิเอ โซ ซึ่งจะเปลี่ยนความต้านทาน เมื่อถูกกด



ตัวตรวจจับความชื่น (Humidity Sensor)
       ตัวตรวจจับความชื่น  มีวงจรภายในตัวใช้ตรวจ ความชื้น โดย ใช้หลักการของตัวเก็บประจุไฟฟ้า
         เครื่องคอมพิวเตอร์และเครือข่ายข้อมูลการสื่อสารข้อมูล   หมายถึง คอมพิวเตอร์ที่เป็นเครื่องประมวลผลข้อมูล ซึ่งมีอยู่ 2 ประเภทด้วยกัน คือ
 1. สถานีงาน (workstation) หมายถึง คอมพิวเตอร์ที่ใช้งาน ณ จุดที่จัดไว้ ให้ผู้ใช้มาใช้ ร่วมกันหรือจัดไว้ที่โต๊ะทำงานของผู้ใช้แต่ละคน บางทีเรียกว่า คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ( Personal Computer หรือเรียกย่อๆว่า PC ) หมายถึง คอมพิวเตอร์ที่ผู้ใช้ใช้ส่วนตัว มีหลายแบบ เช่น แบบตั่งโต๊ะ ที่มีจอแสงคล้ายโทรทัศน์และครื่องคอมพิวเตอร์ ขนาดใกล้เคียงกับหนังสือสามารถนำติดตัวไปใช้ ที่ใดก็ได้ เรียกว่า คอมพิวเตอร์โน๊ตบุค (Notebook Computer)
2. เครื่องบริการ (Server) 
  เครื่องบริการจะมีโปรแกรมควบคุมการทำงานซึ่งเรียกว่า  ระบบปฏิบัติการเครือข่าย ที่มีระบบการทำงานและชื่อเครือข่ายที่มีระบบการทำงานและเครื่องหมายการค้าที่แตกต่างกัน ที่นิยมได้แก่ Linux Server ,  UNIX Server, Windows NT Server , Windows 2000 Server
      เครือข่ายสื่อสารข้อมูล    คือ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ซึ่งเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องกันให้สามารถใช้ข้อมูลร่วมกันหรือแลกเปลี่ยนกันได้ โดยใช้สายสื่อสารข้อมูลที่ทำจากทองแดงหรือเส้นใยแก้วนำแสงนิยมแบ่งเครือข่ายตามขนาดพื้นที่และจำนวนเครื่องที่ใช้งาน
1. แลน (LAN = Local Area Network) คือเครือข่ายบริเวณเฉพาะที่ จำกัดเขตเฉพาะภายในบริเวณอาคารหรือกลุ่มอาคารที่อยู่ใกล้กัน เนื่องจากข้อจำกัดของตัวกลางที่ใช้ส่งข้อมูล เช่น ภายในรั่วโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย 
ภาพ เครือข่ายบริเวณเฉพาะที่ (LAN)
2. แวน (WAN = Wide Area Network) คือเครือข่ายบริเวณกว้าง ระยะทางมากกว่า 10 กิโลเมตรขึ้นไปจนมากกว่าหลายพันกิโลเมตร ปกติเชื่อมโยงด้วยระบบสื่อสารสาธารณะ เช่น สายโทรศัพท์ เครือข่ายเส้นใยแก้วนำแสง หรือเครือข่ายสัญญาณดาวเทียม เป็นต้น 

ภาพ เครือข่ายบริเวณกว้าง

3. อินเทอร์เน็ต  (Internet) คือเครือข่ายขนาดใหญ่ ประกอบด้วยเครือข่ายแวนจำนวนมาก ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว้างไกลทั่วโลก



ภาพ เครือข่ายขนาดใหญ่



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น